ในปี 2025 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และ คอนโดมิเนียมในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และ ภูเก็ต จากความต้องการของเจ้าของบ้านที่อยากสร้างพื้นที่อยู่อาศัยที่สะท้อนตัวตน สะดวกสบาย และ สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ เช่น การทำงานจากบ้าน (Work from Home) และ การใช้ชีวิตแบบมินิมอล (Minimalism) การตกแต่งภายในบ้านใหม่จึงไม่ใช่แค่การซื้อเฟอร์นิเจอร์ หรือ ทาสีผนัง แต่เป็นการลงทุนที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ใช้งานได้จริง และ คุ้มค่ากับงบประมาณ ดังนั้นบทความนี้จะครอบคลุม 7 ข้อหลัก ข้อดี ข้อควรระวัง เพื่อให้คุณนำไปใช้ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโด หรือ ทาวน์โฮม โดยการตกแต่งบ้านที่ถูกหลักจะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข และประหยัดในระยะยาว
แนะนำ 7 แนวทางในการวางแผนก่อนการเริ่มตกแต่งภายในบ้าน
ข้อที่ 1: กำหนดงบประมาณ และ วางแผนการเงินให้ชัดเจน
เหตุผลที่สำคัญในการวางแผนตกแต่งภายในบ้าน คือการวางงบประมาณ เป็นหัวใจของการตกแต่งบ้าน หากไม่ควบคุมให้ดี อาจเกินได้ถึง 30-50% จากแผนเดิม ซึ่งค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการตกแต่งบ้านใหม่ขนาด 100 ตร.ม. อยู่ที่ประมาณ 500,000-2,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับระดับความหรูหรา
โดยวิธีวางแผน คือ
- แบ่งงบเป็นหมวด: โครงสร้าง (20%) เฟอร์นิเจอร์ (30%) ของตกแต่ง (15%) ค่าแรง (20%) สำรองฉุกเฉิน (15%)
- ใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น Excel หรือแอป Budget Planner เพื่อติดตามค่าใช้จ่าย
- ขอใบเสนอราคาจากร้านค้า และ ช่างอย่างน้อย 3 แห่งเพื่อเปรียบเทียบราคา
โดยข้อควรระวัง: อย่าหลงซื้อของตามกระแสโดยไม่คำนึงถึงความจำเป็น อาจทำให้งบหมดก่อนจบโครงการได้
ข้อที่ 2: ศึกษาพื้นที่ และ ฟังก์ชันการใช้งาน (Function over Form)
เหตุผลที่สำคัญที่บ้านที่ดีต้องตอบโจทย์การใช้งานก่อนความสวยงาม การจัดวางที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้พื้นที่แคบ หรือ ใช้งานลำบากได้ เช่น วางโซฟาขวางทางเดิน หรือ ห้องครัวเล็กเกินไป
วิธีทำการวางแผนตกแต่งภายในบ้าน คือ
- วาด Floor Plan เพื่อดูการไหลเวียนของอากาศ และ แสง
- ใช้หลัก Zoning แบ่งพื้นที่ตามกิจกรรม: พักผ่อน ทำงาน และ รับประทานอาหาร
- วัดขนาดเฟอร์นิเจอร์ก่อนซื้อ (เช่น โต๊ะกินข้าวต้องมีพื้นที่รอบตัว 80 ซม.)
ข้อควรระวัง: อย่าลืมเผื่อพื้นที่สำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือ สัตว์เลี้ยง เพื่อความปลอดภัย และ ความสะดวก
ข้อที่ 3: เลือกสไตล์การตกแต่งที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และ บุคลิก
เหตุผลที่สำคัญ คือ สไตล์ที่ไม่เข้ากับตัวเองจะทำให้รู้สึกอึดอัด และ ต้องเปลี่ยนใหม่ในทุกๆ 2-3 ปี ส่วนเทรนด์ในปี 2025 นั้นจะเน้น Japandi (ญี่ปุ่น+สแกนดิเนเวีย) และ Biophilic Design (เชื่อมโยงกับธรรมชาติ) ซึ่งเป็นเทรนด์ตกแต่งภายในบ้านที่กำลังได้รับความนิยม
ซึ่งวิธีทำการเลือกสไตล์การตกแต่งนั้น เช่น
- ตอบคำถาม: ว่าคุณชอบความเรียบง่าย หรือ หรูหรา? ชอบใช้สีโทนอุ่น หรือ เย็น?
- สร้าง Mood Board ด้วย Pinterest หรือ Canva เพื่อรวบรวมแรงบันดาลใจ
- เลือกสีหลักไม่เกิน 3 สี โดยใช้หลัก (60-30-10 Rule: 60% สีหลัก, 30% สีรอง, 10% สีเน้น)
ข้อควรระวัง: อย่าตามเทรนด์จนเกินไป เช่น ใช้สีดำสนิททั้งห้อง อาจทำให้ห้องมืด และ อึดอัดได้
ข้อที่ 4: เลือกวัสดุที่ทนทาน และ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เหตุผลที่สำคัญในข้อนี้ คือ หากเป็นวัสดุคุณภาพต่ำจะเสื่อมเร็วกว่า และ ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อยภายใน 3-5 ปี ซึ่งจะสิ้นเปลืองทั้งเงิน และ ทรัพยากร โดยในปี 2025 ได้เน้นการตกแต่งภายในบ้าน แบบ Green Materials เช่น ไม้รีไซเคิล พื้นไวนิลกันน้ำ และ สีปลอดสาร VOC
ซึ่งวิธีการทำการตกแต่งนั้นจะใช้ วัสดุ เช่น
- พื้น: กระเบื้องยาง SPC (กันน้ำ กันปลวก) หรือ ไม้ลามิเนตหนา 12 มม.
- ผนัง: สีน้ำอะคริลิคกันเชื้อรา หรือ วอลเปเปอร์ไวนิล
- เฟอร์นิเจอร์: ไม้จริงเคลือบกันน้ำ หรือ MDF เคลือบเมลามีน
โดยข้อควรระวัง: นั้นควรหลีกเลี่ยงวัสดุราคาถูกจากแหล่งไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจมีสารเคมีอันตราย เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ ปะปนได้
ข้อที่ 5: ให้ความสำคัญกับแสงสว่าง และ การระบายอากาศ
เหตุผลที่สำคัญ ในการตกแต่งภายในบ้าน นั้นคือ แสง และ อากาศที่ดีจะช่วยลดความชื้น ลดเชื้อรา และประหยัดค่าไฟ ซึ่งเทรนด์ปี 2025 นั้นจะเน้น Smart Lighting และ หน้าต่างบานใหญ่
วิธีเน้นแสง และ ระบายอากาศ คือ
- ใช้แสง 3 ชั้น: แสงหลัก (โคมเพดาน) แสงงาน (โคมอ่านหนังสือ) แสงเน้น (สปอตไลต์)
- ติดตั้งหน้าต่างอย่างน้อย 10% ของพื้นที่ห้อง
- ใช้พัดลมดูดอากาศในห้องน้ำ และ ครัว
ข้อควรระวัง: อย่าติดไฟสว่างเกินไป (มากกว่า 5000K) อาจทำให้ตาล้า และ นอนไม่หลับได้
ข้อที่ 6: รวมระบบ Smart Home ตั้งแต่เริ่มต้น
เหตุผลที่สำคัญในการใช้ Smart Home ในการตกแต่งภายในบ้านนั้นจะช่วยประหยัดพลังงาน ปลอดภัย และ สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งตลาด Smart Home ไทยได้เติบโตขึ้น 25% ต่อปี โดยควรเน้นที่อุปกรณ์ ดังนี้
- ติดตั้ง Wi-Fi 6 เพื่อรองรับอุปกรณ์ IoT
- ใช้ปลั๊กอัจฉริยะ กล้องวงจรปิด ม่านอัตโนมัติ
- เลือกแบรนด์ที่เข้ากันได้ เช่น Google Home, Alexa
ข้อควรระวัง: อย่าติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ระบบล่ม หรือ สิ้นเปลืองพลังงานได้
ข้อที่ 7: จ้างผู้เชี่ยวชาญ หรือ ปรึกษามืออาชีพ
เหตุผลที่สำคัญในการปรีกษามืออาชีพสำหรับตกแต่งภายในบ้าน คือ การช่วยลดความผิดพลาด และประหยัดเวลา โดย ค่าสถาปนิกภายในนั้นจะตกเฉลี่ย 5-10% ของงบทั้งหมด โดยเราควรจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีความชัดเจน เช่น
- จ้าง Interior Designer หรือ Contractor ที่มีผลงาน และ รีวิวที่ดี
- ทำสัญญาที่ชัดเจน: ทั้ง ระยะเวลา งบ และ วัสดุ
- ขอแบบ 3D และ BOQ (Bill of Quantities) ก่อนเสมอเพื่อประเมินก่อนตัดสินใจ
ข้อควรระวัง: อย่างผู้เชี่ยวชาญจากราคาถูกอย่างเดียว ซึ่งอาจได้งานคุณภาพต่ำก็ได้
จากที่กล่าวมาจะเห็นว่าก่อนจะเริ่มตกแต่งภายในบ้านใหม่ ควรเริ่มจากการ “วางแผนให้รอบคอบ” ทั้งในด้าน สไตล์ งบประมาณ ฟังก์ชัน และ วัสดุ เพราะบ้านที่ดีไม่จำเป็นต้องหรูหรา แต่ควรเป็นบ้านที่ตอบโจทย์ “การใช้ชีวิตจริง” ของคนในบ้านทุกคน หากคุณมีแนวคิด และ แผนที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น การตกแต่งภายในบ้านจะกลายเป็นเรื่องสนุก และ ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับทุกบาทที่ลงทุนแน่นอน ดังนั้นหากสนใจตกแต่งภายในบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญนั้นเราขอแนะนำ Varanchaya จำกัด รับตกแต่งภายในบ้านครบวงจร รวมตั้งแต่เขียนแบบ - ออกแบบ พร้อมสร้างจริง และ ควบคุมโดยสมบูรณ์ จบงานเจ้าเดียว (รับผิดชอบ - ซื่อสัตย์ - จริงใจ - ไม่ทิ้งงาน) พร้อมประสบการณ์ มากกว่า 20 ปี เราสามารถควบคุมคุณภาพ งานได้ในทุกขั้นตอนจนแล้วเสร็จผลงานคุณภาพการันตี ยืนยันความเป็นมืออาชีพ สามารถผลิตเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินตามแบบ ส่งงานตรงเวลา สามารถเช็คสถานะงานได้ตลอดเวลา เหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็น มืออาชีพอย่างแท้จริง จึงมั่นใจว่าจะได้การออกแบบที่สมบูรณ์นั้นเอง
ติดต่อสอบถาม VARANCHAYA
8/31 หมู่ที่ 3 ตำบลบางรักใหญ่ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
Email : grudecor.new@gmail.com | Phone : 086-365-9998




